December 4, 2567
การเงินอิสลามเป็นระบบการเงินที่มีลักษณะเฉพาะ โดยยึดหลักชะรีอะฮ์ (Shariah) เป็นแนวทางสำคัญ ทั้งนี้ ระบบนี้ไม่ได้เน้นเฉพาะการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังสร้างสมดุลด้านจริยธรรม ความโปร่งใส และความยุติธรรมในสังคม เพื่อประโยชน์ร่วมกันทั้งสำหรับมุสลิมและผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม
การคิดดอกเบี้ยถือเป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม เนื่องจากเป็นการเอาเปรียบผู้อื่นโดยไม่เป็นธรรม หลักฐานจากอัลกุรอานระบุว่า:
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَأْكُلُوا الرِّبَا أَضْعَافًا مُضَاعَفَةً وَاتَّقُوا اللَّهَ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ
“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย อย่ากินดอกเบี้ยทบต้นทบดอกและจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ” (อาลิอิมรอน: 130)
การเงินอิสลามจึงหลีกเลี่ยงการสร้างรายได้จากดอกเบี้ย แต่ส่งเสริมรูปแบบที่มีความเสี่ยงร่วมกันและมีการแบ่งปันผลประโยชน์ เช่น การลงทุนในโครงการที่สร้างผลกำไรและส่งผลดีต่อสังคม
กิจกรรมที่ขัดต่อหลักชะรีอะฮ์ เช่น การพนัน (ميسر) หรือธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งต้องห้าม ไม่สามารถนำมาใช้ในระบบการเงินอิสลาม หลักฐานจากอัลกุรอานระบุว่า:
وَأَحَلَّ اللَّهُ الْبَيْعَ وَحَرَّمَ الرِّبَا
"และอัลลอฮ์ทรงอนุมัติการค้า และทรงห้ามดอกเบี้ย" (อัลบากอเราะห์:275)
อายะห์นี้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการค้าขายที่ถูกต้องตามหลักการศาสนา (ฮาลาล) และดอกเบี้ย (ริบา) ที่ถือเป็นสิ่งต้องห้าม การค้าขายเป็นกิจกรรมที่มีความยุติธรรมและเสริมสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ดอกเบี้ยส่งเสริมความอยุติธรรมและการเอาเปรียบในสังคม
อิสลามให้ความสำคัญกับการทำธุรกรรมที่ยุติธรรม โดยห้ามการหลอกลวง การฉ้อฉล หรือการปกปิดข้อมูล ดังที่ปรากฏในอัลกุรอาน:
وَأَوْفُوا الْكَيْلَ وَالْمِيزَانَ بِالْقِسْطِ وَلَا تُكَلِّفُ نَفْسًا إِلَّا وُسْعَهَا
“และจงให้มาตราชั่งและตวงอย่างยุติธรรม และจงอย่าทำให้ชีวิตหนึ่งต้องลำบากเกินกำลังของมัน” (อัลอันอาม: 152)
ระบบการเงินอิสลามสนับสนุนการแบ่งปันผลกำไรและความเสี่ยง เช่น:
- มุดอรอบะฮ์ (Mudarabah): รูปแบบที่นักลงทุน (Rabb-ul-Mal) และผู้ประกอบการ (Mudarib) ร่วมมือกัน โดยนักลงทุนจัดหาเงินทุน และผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจ ผลกำไรจะแบ่งตามสัดส่วนที่ตกลงกัน ขณะที่การขาดทุนจะตกอยู่กับนักลงทุน ยกเว้นกรณีที่ผู้ประกอบการมีความประมาท
หลักฐาน: ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ทรงอนุญาตการร่วมมือในลักษณะนี้โดยไม่ขัดต่อชะรีอะฮ์
- มุชารอกะฮ์ (Musharakah):
รูปแบบที่ผู้ลงทุน 2 ฝ่ายขึ้นไปร่วมทุนและแบ่งปันผลกำไร/ขาดทุนตามสัดส่วนการลงทุน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความเท่าเทียมในธุรกิจ
หลักฐาน: ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า:
عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ، قَالَ: قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: يَقُولُ اللَّهُ: «أَنَا ثَالِثُ الشَّرِيكَيْنِ مَا لَمْ يَخُنْ أَحَدُهُمَا صَاحِبَهُ، فَإِذَا خَانَ خَرَجْتُ مِنْ بَيْنِهِمَا» رواه ابوداود
อัลลอฮ์ จะตรัสว่า "เราเป็นบุคคลที่สามของคู่หุ้นส่วนสองคน ตราบที่คนใดจากทั้งสองไม่ทุจริตอีกคนหนึ่ง ดังนั้นเมื่อใดที่เขาทุจริต เราจะออกไปจากคนทั้งสอง" รายงานโดยอะบูดาวูด
- สำหรับมุสลิม
1. ส่งเสริมความยุติธรรมและจริยธรรม: การเงินอิสลามช่วยให้มุสลิมดำเนินธุรกิจโดยไม่ขัดต่อหลักศาสนา
2. เพิ่มความมั่นใจในผลิตภัณฑ์การเงิน: การปฏิบัติตามชะรีอะฮ์สร้างความน่าเชื่อถือในกลุ่มลูกค้ามุสลิม
- สำหรับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม
1. ระบบที่โปร่งใสและยุติธรรม: การเงินอิสลามป้องกันการเอาเปรียบและสนับสนุนธุรกิจที่โปร่งใส
2. ทางเลือกการลงทุนที่ยั่งยืน: โครงสร้างที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงเกินควร (Speculation) ช่วยให้ผู้ลงทุนมั่นใจในความมั่นคง
3. เสริมสร้างเศรษฐกิจที่มีจริยธรรม: การเงินอิสลามมุ่งเน้นการสร้างผลประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม
การเงินอิสลามเป็นมากกว่าระบบการเงินทั่วไป เพราะนอกจากจะส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเน้นความยุติธรรม ความโปร่งใส และการแบ่งปันผลประโยชน์ในสังคม ทั้งมุสลิมและผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมสามารถได้รับประโยชน์จากระบบนี้ ซึ่งช่วยสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสมดุลในระยะยาว